ปรับแผนใหม่ ทะลวงชั้นใต้ดิน เจาะจากหน้า "ซากตึก สตง." เรียกบริษัทผู้รับเหมาแจงเอกสารโครงการ
อัปเดตล่าสุด : 28/04/2025

ดีเอสไอนัด 2 กิจการร่วมค้าฯตรวจสอบเอกสารไซต์งานก่อสร้างตึก สตง. ตามที่ได้อายัดไว้เพื่อตรวจสอบ 24 ตู้คอนเทนเนอร์ก่อนหน้านี้ขณะที่ ผอ.สปภ.กทม.สตง.และค้นหาผู้สูญหายคืบหน้าไปมาก เจอชั้น 5 และชั้น 6 อาคารเดิมแล้ว เร่งระดมตัดเหล็กและเจาะซากอาคารต่อเนื่อง เตรียมเปิดหน้าดินเพื่อเจาะเข้าชั้นใต้ดินจากด้านนอก หลังพบพื้นที่อาคารชั้น 1-4 ถล่มอัดแน่นเชื่อว่ามีร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย


 

ความคืบหน้าในการรื้อถอนซากอาคารก่อสร้างสตง.หลังใหม่ถล่มเมื่อวันที่ 28 มี.ค.อันเกิดจากเหตุแผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 28 มี.ค. รวมทั้งการสืบสวนเอาผิดผู้้เกี่ยวข้องในการจัดจ้างสร้างอาคารที่มีกรมสอบสวนคดีพิเศษและกองบัญชาการตำรวจนครบาลดำเนินการอยู่ ในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีการออกหมายจับในคดีนอมินี จับกุมผู้เกี่ยวข้องแล้ว 4 คน ส่วนการค้นหาผู้สูญหายขณะนี้ยืนยันผู้เสียชีวิตได้แล้ว 62 คน บาดเจ็บ 9 คน และยังมีผู้สูญหายอยู่ระหว่างค้นหาอีก 32 คน โดยเมื่อวันที่ 27 เม.ย. การปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหาย
จากเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินที่กำลังก่อสร้างใหม่พังถล่ม เขตจตุจักร กทม. เข้าสู่วันที่ 31 แต่เจ้าหน้าที่กู้ภัย USAR จากหลายหน่วยงานยังระดมกำลังรื้อถอนซากอาคาร พร้อมกับค้นหาร่างผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ตลอดทั้งวันทั้งคืนของวันที่ 26 เม.ย. กระทั่งเวลา 04.00 น. วันที่ 27 เม.ย. ทีมเครื่องจักรกลหนักทั้งหมดหยุดพักการขุดรื้อถอนซากอาคาร ให้ทีมค้นหาพร้อมสุนัข K-9 ปูพรมเดินค้นหาพื้นที่ทุกโซน แต่ยังไม่พบร่างผู้สูญหาย หรือชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์เพิ่มเติมแต่อย่างใด จนถึงเวลา 07.30 น. ทีมเครื่องจักรกลหนักทั้งหมดกลับมาขุดรื้อถอนซากอาคารใหม่อีกครั้ง

ต่อมาเวลา 10.20 น. ที่กองอำนวยการร่วม ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร นายสุริยชัย รวิวรรณ ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร (สปภ.กทม) แถลงความคืบหน้าปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายและการตรวจพิสูจน์ยืนยันตัวตนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ตึก สตง.ถล่มว่า การทำงานคืบหน้าไปด้วยดี ขณะนี้ขนย้ายวัสดุเศษซากออกจากพื้นที่ได้แล้วกว่า 343 เที่ยว ลดความสูงของเศษซากนับจากพื้นดิน ไม่รวมชั้นใต้ดิน เหลืออยู่ที่ 2.57 เมตร และเมื่อวันที่ 26 เม.ย. พบร่างผู้สูญหายอีก 1 ร่างในโซน D และพบชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์อีก 5 ชิ้น ได้นำส่งให้สถาบันนิติเวชเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป ทั้งนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ชิ้นส่วนที่พบสามารถประกอบเป็นร่างเดียวกันได้หรือไม่

นายสุริยชัยกล่าวอีกว่า สภาพซากอาคารพบว่าบริเวณแผ่นพื้นอาคารตั้งแต่ชั้น 6 ลงไปด้านล่างมีสภาพคอนกรีตที่สมบูรณ์มากขึ้น เนื่องจากแรงกระแทกส่วนใหญ่เกิดขึ้นบริเวณชั้นบน ทำให้ชั้นล่างซึ่งอยู่ระดับต่ำกว่ารับแรงกระแทกน้อยลง โครงสร้างคอนกรีตและเหล็กยังคงสภาพได้ดีกว่า ปัญหาหลักที่พบในขณะนี้คือการแยกเหล็กออกจากคอนกรีตที่แข็งแรงมาก ต้องใช้เครื่องจักรหนักเพิ่มเติม ได้เพิ่มรถแบ็กโฮหัวเจาะกระแทกอีก 2 คัน และเสริมทีมตัดเหล็กจากทหารบก ทหารเรือ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าช่วยในโซน B หากเครื่องจักรไม่สามารถทำงานได้จะใช้เครื่องตัดระบบแก๊สสลับกัน เพื่อเร่งการรื้อถอนให้รวดเร็วขึ้น

ผอ.สปภ.กทม.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังพบว่ามีโพรงอยู่ในบริเวณเชื่อมต่อระหว่างอาคารจอดรถกับตัวอาคารสำนักงาน คาดว่าเป็นจุดที่อาจพบร่างผู้ประสบภัยเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นเส้นทางหลบหนีของผู้ติดอยู่ในอาคารในขณะที่เกิดเหตุ เนื่องจากตัวอาคารชั้นล่างสามารถวิ่งหนีออกได้รอบทิศ สำหรับบริเวณชั้นใต้ดินพบว่าถูกชั้นอาคารชั้นที่ 1 ถึงชั้นที่ 4 ถล่มทับจนเต็มพื้นทั้ง 4 เมตรเชื่อว่ามีร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย” นายสุริยชัยระบุ

ในส่วนของแผนการทำงานในการเข้าพื้นที่ชั้นใต้ดินอาคาร สตง. ผอ.สปภ.กทม.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้ปรับแนวทางใหม่ เตรียมเปิดพื้นที่หน้าดินด้านหน้าโครงสร้างตึก โซน A-D และด้านข้างของอาคารที่ถล่ม โซน A-B ออก เพื่อเป็นทางลาดให้เครื่องจักรกลหนักเข้าถึงซากอาคารพื้นที่นอกผนังชั้นใต้ดินได้สะดวกมากขึ้น โดยวางแผนขุดลึกเป็นตัว L เริ่มจากโซน A-D ต่อเนื่องไปโซน A-B อย่างไรก็ตาม การเปิดสัญจรบริเวณหน้าไซต์งาน ส่งผลให้การขนเศษวัสดุในช่วงกลางวันลดลง เนื่องจากต้องหลีกทางให้การจราจร แต่ได้เพิ่มจำนวนรถขนวัสดุในช่วงกลางคืนเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป หากไม่พบอุปสรรคเพิ่มเติม คาดว่าจะสามารถเคลียร์เศษซากลงไปถึงชั้นหนึ่งได้ภายในวันพรุ่งนี้

ผอ.สปภ.กทม.กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันแล้วอยู่ที่ 62 ราย ยังอยู่ระหว่างค้นหาอีก 32 ราย จากผู้ประสบเหตุทั้งหมด 103 ราย และได้ส่งชิ้นส่วนร่างกายที่พบแล้วกว่า 250 ชิ้นส่วน ให้สถาบันนิติเวชเพื่อพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลต่อไป

ต่อมาเวลา 18.00 น. ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์สำนักงานเขตจตุจักร สรุปยอดความคืบหน้าภารกิจกู้ภัยคนงานที่ประสบภัย และผู้สูญหายจากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินหลังใหม่พังถล่ม ณ เวลา 18.00 น. วันที่ 27 เม.ย.ว่า มีจำนวนผู้ประสบเหตุ 103 คน เป็นผู้เสียชีวิตที่ได้รับการตรวจยืนยันอัตลักษณ์บุคคลเบื้องต้น 62 คน ผู้บาดเจ็บ 9 คน และยังมีผู้สูญหายอยู่ระหว่างค้นหา 32 คน เท่ากับยอดผู้เสียชีวิตที่ได้รับการตรวจยืนยันอัตลักษณ์และผู้สูญหายเมื่อวันที่ 25 เม.ย.

ในส่วนของคดีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษรับสอบสวนเป็นคดีพิเศษที่ 32/2568 ในความผิดตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 กรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ถล่มหลังเหตุแผ่นดินไหว โดยเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้เชิญผู้แทนกรมโยธาธิการและผังเมืองมาหารือเกี่ยวกับประเด็นแบบอาคาร มี พ.ต.ท.อมร หงษ์ศรีทอง ผอ.กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ และ พ.ต.ต.วรณันศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน และฝั่งเลขานุการคดี ร่วมประชุมหารือด้วย

ต่อมาเวลา 10.00 น. มีการประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษฯ มีผู้ช่วยศาสตราจารย์ธเนศ ศรีศิริโรจนากร อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะที่ปรึกษาคดีพิเศษ ร่วมให้ข้อสังเกตและคำแนะนำในการรวบรวมพยานหลักฐาน มีการรายงานเกี่ยวกับการอายัดเอกสารที่ไซต์งานก่อสร้างไว้เพื่อตรวจสอบ 24 จุด ไปก่อนหน้านี้ ที่ประชุมมีมติมอบหมาย พ.ต.ท.อมร และ พ.ต.ต.วรณันประสานให้กิจการร่วมค้าฯทั้งสองที่ทำหน้าที่ก่อสร้างและที่ทำหน้าที่ควบคุมงาน ส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมตรวจสอบเอกสารไซต์งานก่อสร้าง สตง.และส่งมอบเอกสารที่จำเป็นจะต้องใช้ในการสืบสวนสอบสวนในวันที่ 28 เม.ย. เวลา 09.00 น.ที่ไซต์งานบริเวณอาคารจอดรถฯ โดยคณะที่เข้าตรวจสอบเป็นการบูรณาการหลายฝ่ายประกอบด้วย กรมสอบสวนคดีพิเศษ พนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ เจ้าหน้าที่จากกรมโยธาธิการและผังเมือง รวมทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แบ่งเป็นสี่ชุดปฏิบัติการ จะเร่งรัดดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วเพื่อคืนพื้นที่ให้กับกรุงเทพมหานครในการรื้อถอนต่อไป

เครดิต : https://www.thairath.co.th/news/local/2855244

 

 บริษัทหลานสิน จำกัด
17 ซ.รามอินทรา 64 ถนนรามอินทรา
 แขวงคันนายาว เขตคันนายาว
       กรุงเทพฯ  10230

           
 
หมายเลขติดต่อ
02-136-5177,02-136-567
 
สนับสนุนทางอีเมล
Marketing@lansingroup.com
 
เวลาเปิดบริการ
วันจันทร์ - วันศุกร์ : 8:30 - 18.00